Wi-Fi และ Bluetooth เป็นเทคโนโลยีไร้สายที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการควบคุมประตูรีโมท โดยแต่ละระบบมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน
1. Wi-Fi กับการควบคุมประตูรีโมท
Wi-Fi เป็นเครือข่ายไร้สายที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถควบคุมประตูจากระยะไกลผ่านแอปพลิเคชันมือถือหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ได้
ข้อดี:
✅ ควบคุมประตูจากที่ไหนก็ได้ผ่านอินเทอร์เน็ต
✅ สามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงให้ผู้ใช้หลายคน
✅ รองรับระบบอัตโนมัติ (Automation) และสามารถเชื่อมต่อกับระบบ Smart Home อื่นๆ เช่น Google Home หรือ Alexa
ข้อเสีย:
❌ ต้องมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา
❌ อาจมีความล่าช้าขึ้นอยู่กับความเร็วของเครือข่าย
❌ มีโอกาสเสี่ยงต่อการถูกแฮ็กหากระบบรักษาความปลอดภัยไม่ดี
2. Bluetooth กับการควบคุมประตูรีโมท
Bluetooth เป็นเทคโนโลยีไร้สายระยะสั้นที่สามารถใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟนเพื่อควบคุมประตู
ข้อดี:
✅ ใช้งานได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต
✅ เชื่อมต่อรวดเร็วเมื่ออยู่ในระยะใกล้
✅ มีความปลอดภัยสูงกว่า Wi-Fi เนื่องจากเป็นเครือข่ายระยะสั้น
ข้อเสีย:
❌ ระยะควบคุมจำกัด (ประมาณ 10-30 เมตร)
❌ ไม่สามารถควบคุมจากระยะไกลได้ (ต้องอยู่ใกล้กับประตู)
❌ รองรับผู้ใช้ได้น้อยกว่าระบบ Wi-Fi
3. ระบบ Hybrid (Wi-Fi + Bluetooth)
ระบบบางตัวใช้ทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น เช่น
- Bluetooth ใช้สำหรับการปลดล็อกเมื่ออยู่ใกล้ประตู
- Wi-Fi ใช้สำหรับควบคุมระยะไกล
สรุป
- หากต้องการ ควบคุมประตูจากระยะไกล และเชื่อมต่อกับระบบ Smart Home → Wi-Fi ดีกว่า
- หากต้องการ ความเร็วและความปลอดภัยสูง แต่ไม่จำเป็นต้องควบคุมจากที่ไกล → Bluetooth เหมาะสมกว่า
- หากต้องการ ความสะดวกสูงสุด และครอบคลุมทุกกรณี → เลือกระบบ Hybrid (Wi-Fi + Bluetooth)
คุณต้องการใช้งานในสถานการณ์ไหนบ้าง? ให้เราช่วยแนะนำอุปกรณ์ที่เหมาะสมให้ได้นะ 😊